ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

React Router หลังอัปเดท V.5 แล้วไม่แสดงผลหน้าเว็บ

 หลังจากการอัปเดทเวอร์ชันของ React Router ไปใช้ v.5 ที่อัพในโปรเจคเป็น v.5.2.0 แล้วไม่สามารถแสดงหน้าเว็บไซต์ที่เราทำการ Redirect  ไปยังหน้าต่างๆ หลังจากการหาว่ามีปัญหาที่ส่วนไหน สุดท้ายมาเจอตัวที่มีส่วนที่ทำให้สคริปไม่สามารถทำงานได้คือ "history": "^5.0.0" หลังจากที่ได้ลง downgrade ลงเป็น  4.10.1 ปรากฎว่า ทำงานได้ปกติ  ex : import   React   from   "react" ; import   ReactDOM   from   "react-dom" ; import  {  createBrowserHistory  }  from   "history" ; import  {  Router ,  Route ,  Switch ,  Redirect  }  from   "react-router-dom" ;  // core components import   Admin   from   "layouts/Admin.js" ; import   Front   from   "layouts/Front.js" ; import   Authen   from   "layouts/Authen.js" ; import   "assets/css/material-local.css" ; const   hist  =  createBrowserHistory (); ReactDOM . render (     < Router   history = { hist } >        < Switch >          < Route   path = "/

React.useEffect ***บันทึกไว้กันลืม

const Getdata= () => {  // state loaded เอาไว้ render ในกรณีที่ยังไม่ได้ข้อมูลจาก service  [loaded, setLoaded] = React.useState(false)   // state content เอาไว้ใส่ข้อมูล   [content, setContent] = React.useState('') useEffect(() => {  // ดึงข้อมูลเสร็จแล้วค่อยทำ setContent   getContent.then(res => {  setLoaded(true) setContent(res)   })   // เมื่อทำ unmount ก็ clear state กลับเป็นอย่างเดิม   return () => {   setLoaded(false)   setContent('') } },   // state ที่เราสนใจจะ subscribe ใน useEffect ตัวนี้   [loaded, content])  } ***  - useEffect ใน React functional component แทน componentDidMount - useEffect คล้ายๆ componentDidMount  แต่ ยืดหยุ่นกว่า -  componentDidMount ถูก trigger ทุกครั้งที่ component ถูก mount กับ DOM หรือทุกครั้งที่ state เปลี่ยนแปลง -  useEffect ก็จะ trigger ทุกครั้งที่ state หรือ props ของ function เปลี่ยนแปลง แต่เราสามารถกำหนดได้ด้วย ว่าจะสนใจ state หรือ props ไหน -   useEffect เองก็สามารถทำ componentWillUnMount ได้ด้วย โดย return func

วิธีการติดตั้ง Docker บน Debian 9 (Stretch)

Step 1  ก่อนติดตั้ง ถ้ามีการติดตั้ง  Docker มาก่อน ต้องลบก่อนนะครับด้วยคำสั่ง  apt-get purge docker lxc-docker docker-engine docker.io ตอนนี้ติดตั้งแพ็คเกจที่จำเป็นบนระบบของคุณเพื่อติดตั้ง Docker บนระบบ Debian ใช้คำสั่งด้านล่างนี้นี้ครับ: apt-get install apt-transport-https ca-certificates curl gnupg2 software-properties-common Step 2 ติดตั้ง Docker Repository สร้างคีย์ เพื่อเอาไว้ตรวจสอบลายเซ็นของ packages ก่อนติดตั้งครับด้วยคำสั่งต่อไปนี้ apt-get install apt-transport-https ca-certificates curl gnupg2 software-properties-common หลังจากนั้นให้เพิ่มที่เก็บ Docker บนระบบ Debian ของคุณซึ่งมีแพ็คเกจ Docker รวมถึงการอ้างอิง คุณต้องเปิดใช้งานที่เก็บนี้เพื่อติดตั้ง Docker บน Debian ด้วยคำสั่งดังนี้ add-apt-repository "deb [arch=amd64] https://download.docker.com/linux/debian stretch stable" Step   3 — ติดตั้ง Docker on Debian 9 ระบบของคุณพร้อมสำหรับการติดตั้ง Docker แล้ว รันคำสั่งต่อไปนี้ เลย apt-get update  apt-get install docker-ce  หลังจากติดตั้ง Docker คำสั่งด้านล่างเพื่อ

วิธีการ ใช้ Debian (Linux) ในฐานะ Root User

  "root" account หรือ root user ในคอมพิวเตอร์  Debian ( Linux)  เป็นบัญชีผู้ใช้ที่มีสิทธิ์เต็มที่ในการใช้งานและปรับแต่งส่วนต่างๆ การใช้คอมแบบ root access นั้นจำเป็นถ้าจะใช้คำสั่งบางอย่างใน  Debian ( Linux) โดยเฉพาะ      root access ควรใช้เฉพาะตอนที่จำเป็นจริงๆ อย่าล็อกอินไว้ด้วย root user ตลอด จะได้ไม่เผลอทำไฟล์ระบบที่สำคัญเสียหายได้  1. พิมพ์  . su -   ใน  terminal     แล้วกด   ↵  Enter . เพื่อล็อกอินในฐานะ "super user"  2. ใส่รหัสผ่าน root ตอนที่ถูกถาม.  พอพิมพ์  su -  และกด  ↵  Enter  แล้ว คุณจะถูกถามรหัสผ่าน root  *** วันนี้เอาเท่านี้ก่อนนะครับเดี่ยวเเวะมาเขียนต่อ

Linux command line คำสั่งต่างๆ ที่ต้องทราบเมื่อคุฯต้องใช้งาน linux

Check os version in Linux remote server login using the ssh:  ssh user@server-name พิมพ์หนึ่งในคำสั่งต่อไปนี้เพื่อค้นหาชื่อและเวอร์ชันของระบบปฏิบัติการใน Linux - cat /etc/os-release - lsb_release -a - hostnamectl คำสั่งต่อไปนี้เพื่อค้นหารุ่นเคอร์เนล Linux :   uname -r